วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555

ดอกเอเดลไวส์


ดอกเอเดลไวส์
          กาล ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อครั้งที่เทือกเขาแอลป์ยังสูงกว่าตอนนี้มากมายนัก ครั้งนั้นบนยอดเขายอดหนึ่งซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะ มีผาซึ่งเป็นที่พำนักของราชินีน้ำแข็ง เล่ากันว่าราชินีนั้นขาวดุจหิมะและงดงามเกินมนุษย์ เธอมีโนม (gnome) เป็นข้ารับใช้และอาศัยอยู่ด้วยกันบนผานั้น  (โนมมีรูปร่างเหมือนคน แคระค่ะ ตัวเล็กๆ มีหลายแบบแบ่งย่อยลงไปอีก ที่รู้จักกันดีก็มีแบบที่อยู่ใต้ดิน ทางตะวันออกเองอย่างเทพเทนงู ก็จัดว่าเป็นโนมมีปีกประเภทหนึ่งได้ด้วย)
                ราชินีจะชอบขับขานบทเพลง ซึ่งเสียงของเธอมีผลทำให้พวกคนเลี้ยงแกะลุ่มหลงจนลืมตัวลืมหน้าที่และพยายามมุ่งหน้าไปหาเธอยังที่พำนัก แม้ว่าราชินีจะงดงามสักเพียงใด เธอก็มีข้อบกพร่องอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือหัวใจของเธอ ที่เย็นเฉียบราวกับสร้างมาจากก้อนน้ำแข็ง ราชินี ชอบที่จะเล่นกับบรรดาคนเลี้ยงแกะเคราะห์ร้ายที่เฝ้าแต่จะตามหาเธอผู้เป็นต้น เสียงเหล่านั้น เมื่อเล่นได้สักพักจนรู้สึกเบื่อหน่ายแล้ว พวกโนมก็จะช่วยกันโยนคนเหล่านั้นลงหน้าผา ปล่อยให้ตกลงไปตาย

                ราชินีแสนสวยใช้ชีวิตโดดเดี่ยวเช่นนั้นเป็นเวลานานแสนนาน ไม่มีสหายใดนอกจากบรรดาข้าทาสตัวเล็กๆ ของเธอ  จน กระทั่งวันหนึ่ง คนหนึ่งในบรรดาคนเลี้ยงแกะที่ตามเสียงของเธอมานั้น ได้เข้ามาจนถึงที่พำนัก เขาไม่ต่างอะไรจากคนอื่นๆ...ชายหนุ่มคนนี้ไม่มีสิ่งใดพิเศษ ไม่มีสิ่งใดสะดุดตา ทว่าราชินีน้ำแข็งกลับค่อยๆ หลงรักเขามากขึ้นทุกที
                เธอขับขานบทเพลงและมีเขานั่งอยู่เคียงข้างบัลลังก์ของเธอนับชั่วโมงหรือจนกระทั่งหมดวัน ความรักได้ก่อเกิดขึ้น  ทว่า พวกโนมเริ่มหึงหวง พวกมันกลัวว่าวันหนึ่งราชินีจะตกลงใจวิวาห์กับมนุษย์ธรรมดาผู้นั้น ดังนั้นพวกมันจึงร่วมกันวางอุบายและโยนชายหนุ่มลงสู่หุบเขาเบื้องล่าง ที่ซึ่งหัวใจของเขาต้องแหลกเหลวไป
                เมื่อเห็นสิ่งที่เกิด ขึ้น ดวงตาของราชินีน้ำแข็งบังเกิดความอบอุ่น ซึ่งจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย หัวใจของเธอหลอมละลายลงเล็กน้อย และแล้วน้ำตาหยดหนึ่งก็ร่วงรินผ่านพวงแก้มงามซึ่งเป็นนิรันดร์และแสนเศร้า
น้ำตาหยดนี้เองที่กลายเป็นดอกเอเดลไวส์ ดอกไม้ที่งดงามที่สุดแห่งเทือกเขาแอลป์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น