วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555

ตำนานต้นจันทร์ผา-ดอกเอื้องผึ้ง


ตำนานต้นจันทร์ผา-ดอกเอื้องผึ้ง




         




 ตำนานเล่าขานมาว่า แต่เดิมเอื้องผึ้งและจันทร์ผานั้น เป็นคู่รักกัน ทั้งสองให้สัญญาว่าจะรักกันตลอดไป ไม่พรากจากกัน ถ้าหากแม้นคนหนึ่งตายไป อีกคนหนึ่งก็ไม่ขออยู่ต่อ และแล้วโศกนาฏกรรมก็มาถึง หนุ่มจันทร์ผา พาสาวเอื้องผึ้งไปเที่ยวที่ดอย เขาเห็นดอกไม้ชนิดหนึ่ง มีกลิ่นหอม งอกอยู่ที่ต้นไม้ริมผา จึงคิดจะเก็บมาให้สาวเอื้องผึ้ง คนรักของตน จึงปีนไปเก็บดอกไม้ชนิดนั้นมา แม้เอื้องผึ้งจะห้ามแต่จันทร์ผาก็ยังพยายามจะไปเด็ดดอกไม้มาให้ได้ และแล้วในที่สุดสิ่งที่เอื้องผึ้งกลัวก็เป็นความจริง จันทร์ผาพลาด ตกลงไปในเหว เลือดไหลนอง คอหัก ตายสนิท เอื้องผึ้งร่ำไห้ หัวใจแตกสลาย จึงวิ่งเอาหัวชนกับแง่หินที่หน้าผา ตายตามจันทร์ผา เหมือนที่เคยให้สัญญาว่าจะรักกันตลอดไป  ดอกไม้ที่จันทร์ผาพยายามจะเก็บนั้น ต่อมาคนให้ชื่อว่า ดอกเอื้องผึ้ง  ส่วนที่ๆจันทร์ผาตกลงไปตาย ก็มีต้นไม้ชนิดหนึ่งงอกขึ้นมา ผู้คนกล่าวขานเรียกว่า ต้นจันทร์ผา  เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ความรักที่ยั่งยืนของคนทั้งคู่ตลอดไป
มีเฉพาะตำนานค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2555

ดอกวอระทาห์


ดอกวอระทาห์


         ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
         ในยุคแห่งดรีมไทม์  ซึ่งเป็นยุคแรกที่บรรพบุรุษของชาวอะบอริจินทั้งปวงก่อกำเนิดขึ้นในโลก  สัตว์ทั้งหลายต่างพูดกันด้วยภาษามนุษย์  ในยุคนั้นดอกวอระทาห์ล้วนมีสีขาว  เมื่อฤดูร้อนมาเยือน  ดอกวอระทาห์ก็จะบานสะพรั่งพร่างพราวทั้งราวป่า  และครั้งนั้นมีนกพิราบน้อยหนุ่มสาวคู่หนึ่งครองรักกันอยู่ในดงดอกวอระทาห์ อย่างแสนสุข
         นกสาวนั้นชื่อ  "วงกา"  ส่วนเจ้าหนุ่มนั้นชื่อ  "ลาพารา"
        ทุกวันนกน้อยทั้งสองจะเกี่ยวก้อยกันหากินอยู่ตามพื้นดิน ใต้พุ่มดอกวอระทาห์ 
       เบื้องบนสูงขึ้นไปนั้นมีเหยี่ยวใหญ่ตัวหนึ่งคอยจ้องจะจับกินเจ้านกทั้งสองเป็นอาหารอยู่ไม่วางตา 

ดอกอเนโมเน่


ดอกอเนโมเน่

                ดอกอเนโมน (หรือ อนีโมนีในภาษาอังกฤษ) เป็นดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่สร้างความสดใสเจิดจ้าให้แก่ฤดูใบไม้ผลิของโลก ตะวันตกด้วยสีสันตระการตาทั้งแดงเลือดนก ม่วงแดง ม่วงน้ำเงิน ขาว ฯลฯ  ชื่อของดอกไม้ชนิดนี้มาจากคำว่า anemos ในภาษากรีก หมายถึง ลม ว่ากันว่าดอกอเนโมนจะคลี่บานรับสายลมอ่อนของฤดูใบไม้ผลิ แต่ความงามของเธอไม่คงทนเพราะกลีบอันบอบบางจะชอกช้ำและหลุดร่วงได้ง่ายเมื่อ ต้องลมแรง ดังที่เล่าไว้ในตำนานกรีกโบราณถึงกำเนิดของดอกไม้ชนิดนี้

ความหมายของดอกอเนมโอเน่


ความหมายของดอกอเนมโอเน่ มีความหมายหลากหลายมากๆ ขึ้นอยู่กับสถานที่ๆดอกนี้อยู่ด้วยค่ะ
                ดอกอเนมโอเน่ หมายถึง ความรักที่ไม่จืดจาง, ความจริงใจ, แท้จริงหรือความหมายในแง่ลบ
ว่าถูกทอดทิ้งความหวังที่ลางเลือน การปฏิเสธและมองข้าม
                ดอกอเนมโอเน่กลางทุ่งหญ้า หรือขึ้นเองตามธรรมชาติ จะหมายถึง การเจ็บไข้ได้ป่วย
                ดอกอเนมโอเน่ในสวนดอกไม้ หรือที่ปลูกโดยตั้งใจ หมายถึง ถูกทอดทิ้ง เหี่ยวแห้งและอับเฉา

วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555

ดอกไม้ประจำราศี


ดอกไม้ประจำราศี

ดอกไม้ประจำราศีเมษ           ดอกลิลลี่                 
สำหรับผู้เกิดวันที่                   21 มี.ค. - 18 เม.ย.
อาชีพที่เหมาะสม                   นักบริหารธุรกิจ ผู้กำกับรายการทีวี ล่าม นายทหารสัญญาบัตร ดาราภาพยนตร์ นักประดิษฐ์                                                              
                                                 ออร์กาไนเซอร์จัดงานเลี้ยง


Language of Flowers


                ภาษาดอกไม้ หรือ Language of Flowers   เกิดขึ้นเมื่อสมัยควีนวิกตอเรีย ผู้ชายนิยมให้ดอกไม้ผู้หญิงแสดงถึงความรู้สึกส่วนตัวที่ไม่อาจบอกออกมาเป็นคำพูดได้      การถือดอกไม้ไปให้คนรักดูจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะบ่งบอกความในใจ ปัจจุบันความหมายที่ใช้ในภาษาดอกไม้นั้นส่วนมากได้เลือนหายไปตามการเวลา    
                ชาวตะวันตกได้ให้คำจำกัดความของดอกไม้ไว้มากมาย ดังต่อไปนี้

Acacia                                                    ความงามแต่หนหลัง  มิตรภาพ รักบริสุทธิ์  รักที่ซ้อนเร้น, รักแห่งปรัชญา.
Acacia, rose                                           สละสลวย
Acanthus                                                มีศิลป์
Aconite                                                  จงระวัง ศัตรูอันตรายกำลังใกล้เอามา
Allium                                                     เอกภาพ ถ่อมตน อดทน
Almond-tree                                           ไร้วิจารณญาณ
Aloes, parrot-bill                                    พูดแต่น้อย
Aloes, socotrine                                     ขมขื่นและเจ็บปวด

วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555

ความหมายของดอกมัลเบอรี่


ความหมายของดอกมัลเบอรี่
                ดอกมัลเบอรี่ (Mulberry Tree While) : ดอกไม้นี้มีสองความหมายค่ะ หากคุณได้รับดอกไม้นี้เขาชื่นชมในตัวคุณค่ะ ว่าคุณน่ะ ฉลาด หรืออาจจะอยากแต่งงานกับคุณ 

มัลเบอร์รี่


มัลเบอร์รี่
                พีรามุสและธิสบี้เติบโตขึ้นมาด้วยกันและรักกันแต่พ่อแม่ไม่เห็นด้วยและพยามยาม แยกทั้งสองออกจากกันแต่ก็ไม่สามาระขัดขวางความรักได้. กำแพงบ้านพีรามุสกับบ้านธิสบี้มีรูเล็กๆอยู่รูหนึ่งทั้งสองกระซิบบอกรักกัน ผ่านช่องนั้นทุกวัน วันหนึ่งทั้งสองตัดสินใจว่าจะหนีตามกันไปโดยนัดเจอกันที่สุสานแห่งนีนัสใต้ต้นมัลเบอร์รี่  ธิสบี้มาถึงก่อนพีรามุสขณะที่รออยู่นั้นแม่สิงโตที่เพิ่งกินอิ่มมาที่เขี้ยวและ ขอบปากยังเปื้อนเลือดได้ผ่านมาพอดีธิสบี้ค่อยๆแอบหนีแต่ก็ทำเสื้อคลุมหล่น ไว้สิงโตเห็นเสื้อก็ขย้ำเล่นจนขาดพีรามุสมาถึงที่หมายเจอแต่เสื้อที่ขาด วิ่นเต็มด้วยเลือดก็เสียใจมากคิดว่าเขามาช้าไปทำให้ธิสบี้ตายจึงแทงตนเองตาย ใต้ตันมัลเบอร์รี่.เลือดของพีรามุสไหลไปยังต้นมัลเบอร์รี่และย้อมผลมัลเบอร์ รี่ที่เคยเป็นสีขาวบริสุทธิ์เป็นสีแดงเลือด.ส่วนธิสบี้ย้อนกลับมาที่นัดหมาย เจอพีรามุสกำลังจะตายก็ถลาไปประคองคนรักและเรียกชื่อเขา.พีรามุสมองเธอเป็น ครั้งสุดท้ายก่อนสิ้นใจธิสบี้เสียใจมากปลิดชีวิตตนเองตายตามพีรามุสทันทีเลือดของธิสบี้ไหลไปใต้ต้นมัลเบอร์รี่ทำให้ผลของมัลเบอร์รี่สีแดง เข้มขึ้นและกลายเป็นสัญลักษณ์ของรักแท้ระหว่างพีรามุสกับธิสบี้จนถึงทุก วันนี้

ความหมายของดอกโบตั๋น


                ดอกโบตั๋น : มีความหมายเป็นตัวแทนของความมั่งมีศรีสุข ความร่ำรวย ความโชคดี  หากคุณต้องการอวยพรใคร ควรมอบดอกไม้นี้ไปให้ค่ะ


วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555

ดอกโบตั๋น


ดอกโบตั๋น
                แต่กาลก่อนที่บนโลกใบนี้มิได้มีการกำหนดว่าดอกไม้ดอกใดให้เป็นที่สุด เป็น "ราชาแห่งดอกไม้" ทำให้เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิของทุกปี ดอกไม้นานาพรรณต่างก็แข่งขันกันชูช่อเบ่งบานอวดให้ดวงตะวันชื่นชมความสวยงาม ของตน ด้วยความที่ไม่อยากให้มวลหมู่ดอกไม้ทะเลาะเบาะแว้งกันไปมากกว่านี้ ครั้งหนึ่งดวงตะวันจึงจัดประกวดดอกไม้ขึ้น โดยดวงตะวันจะเป็นกรรมการตรวจตรามวลหมู่ดอกไม้ทั้งหมดด้วยตัวเอง ว่าดอกไม้ดอกไหนกันแน่ที่เป็น "ราชาแห่งดอกไม้" ตัวจริง ตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนบรรดาเด็กๆ จะลืมตาตื่นขึ้นมา ดวงตะวันก็เริ่มออกทำงานเสียแล้ว ดวงตะวันเดินท่อมๆ ตั้งแต่ทิศตะวันออกไปจรดทิศตะวันตก พิศมองดอกไม้ทั้งหลายทั้งมวลว่ามีลักษณะเช่นไรบ้าง

ความหมายของดอกเอเดลไวส์

ความหมายของดอกเอเดลไวส์
    
ดอกเอเดลไวส์ : มีความหมายในตัวว่าความกล้าหาญและชนชั้นสูงผู้กล้าหาญ  ถ้าคุณได้รับแสดงว่าเขาคนนั้นคงต้องการเพิ่มความกล้าหาญให้กับคุณ

ดอกเอเดลไวส์


ดอกเอเดลไวส์
          กาล ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อครั้งที่เทือกเขาแอลป์ยังสูงกว่าตอนนี้มากมายนัก ครั้งนั้นบนยอดเขายอดหนึ่งซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะ มีผาซึ่งเป็นที่พำนักของราชินีน้ำแข็ง เล่ากันว่าราชินีนั้นขาวดุจหิมะและงดงามเกินมนุษย์ เธอมีโนม (gnome) เป็นข้ารับใช้และอาศัยอยู่ด้วยกันบนผานั้น  (โนมมีรูปร่างเหมือนคน แคระค่ะ ตัวเล็กๆ มีหลายแบบแบ่งย่อยลงไปอีก ที่รู้จักกันดีก็มีแบบที่อยู่ใต้ดิน ทางตะวันออกเองอย่างเทพเทนงู ก็จัดว่าเป็นโนมมีปีกประเภทหนึ่งได้ด้วย)
                ราชินีจะชอบขับขานบทเพลง ซึ่งเสียงของเธอมีผลทำให้พวกคนเลี้ยงแกะลุ่มหลงจนลืมตัวลืมหน้าที่และพยายามมุ่งหน้าไปหาเธอยังที่พำนัก แม้ว่าราชินีจะงดงามสักเพียงใด เธอก็มีข้อบกพร่องอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือหัวใจของเธอ ที่เย็นเฉียบราวกับสร้างมาจากก้อนน้ำแข็ง ราชินี ชอบที่จะเล่นกับบรรดาคนเลี้ยงแกะเคราะห์ร้ายที่เฝ้าแต่จะตามหาเธอผู้เป็นต้น เสียงเหล่านั้น เมื่อเล่นได้สักพักจนรู้สึกเบื่อหน่ายแล้ว พวกโนมก็จะช่วยกันโยนคนเหล่านั้นลงหน้าผา ปล่อยให้ตกลงไปตาย

ความหมายของดอกแดฟเน่


ดอกแดฟเน่ เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ  หากคุณได้รับดอกไม้นี้เขาต้องการอวยพรให้คุณได้รับชัยชนะจากการแข่งขัน  

ดอกแดฟเน่


                Daphne (แดฟเน่) เป็นนางไม้ที่งดงาม นางเป็นลูกสาวของพีนัส เทพแห่งแม่น้ำ แดฟเน่ เป็นนักล่าสัตว์ที่อุทิศตัวเองให้แก่ .. เทพอาร์ทีมิส เทวีแห่งการล่า ... และเหมือนกับเทวีทั่วไป ที่มักมีจิตใจไม่พึงประสงค์ ต่อการแต่งงานเช่นมนุษย์ทั่วไป แดฟเน่ มีชายหนุ่มมาหลงรักนางมากมาย รวมทั้งเทพอพอลโล ตกหลุมรักแดฟเน่ เป็นอย่างมาก และ เมื่อถูกแดฟเน่ปฎิเสธความรักของเขา เทพอพอลโล ก็โกรธแค้น และ ไล่ล่านาง แดฟเน่ได้หนีเข้าไปในป่า ด้วยความหวาดกลัว และ สวดอ้อนวอนให้เทพพีนัส ซึ่งเป็นบิดาช่วยนางให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของ เทพอพอลโล เทพพีนัส ได้บอกให้นางปกป้องตนเอง ด้วยการแปลงร่างเป็นต้นไม้ชื่อว่า ...Laurel หรือ Daphne... (แดฟเน่ เป็นชื่อพื้นเมืองกรีก)

ความหมายของดอกลั่นทม หรือ ลีลาวดี


ความหมายของดอกลั่นทม หรือ ลีลาวดี
                ดอกลั่นทม หรือ ลีลาวดี: เป็นดอกไม้ที่มีความหมายถึง การมีแต่ความสุข ชื่อเดิมนั้น คือ ดอกลั่นทม ซึ่งคำว่า ลั่นหมายถึง ละทิ้ง เลิก ส่วน ทมหมายถึง ความระทม รวมความได้ว่า ละทิ้งความระทม ความเศร้าหมอง ต่างๆ นั่นก็คือ มีความสุข สดใส นั่นเอง หากคุณได้รับดอกไม้นี้คนให้เขาต้องการอวยพรให้คุณหมดสิ้นความทึกข์โศกค่ะ

ดอกลั่นทม


ดอกลั่นทม
                มีเรื่องราวเล่าต่อๆกันมาว่า แต่ก่อนนี้ ดอกลั่นทมมีเพียงสีขาวบริสุทธิ์ และเป็นที่รักยิ่งของเทพแห่งแสงจันทร์
ทุกคืนที่แสงจันทร์สาดส่องดอกลั่นทมจะอวลกลิ่นหอมขจรไกล มีเทพแห่งแสงจันทร์เคียงใกล้อยู่ไม่ห่าง  แต่เมื่อถึงคืนแรมอันไร้จันทร์ดอกลั่นทมและเทพแห่งแสงจันทร์ก็โศกเศร้าทุกคราวที่ต้องพรากจากกัน จนในคืนหนึ่งเทพแห่งแสงจันทร์
จึงเอ่ยชวนให้ดอกลั่นทมไปอยู่ด้วยกันบนดวงจันทร์ แต่ ณ ที่นั้น ไม่มีหลากสีสันเช่นบนพื้นโลก ทุกสิ่งล้วนอาบน้ำค้างแสงจันทร์จนเป็นสีเหลืองเรืองรอง ก่อนอื่นต้องใช้น้ำค้างแสงจันทร์ระบายให้ทั่วกลีบดอก พุ่มใบ และลำต้นของเธอเสียก่อน เทพแห่งแสงจันทร์กล่าวแต่ทำอย่างไรจึงจะนำน้ำค้างแสงจันทร์ลงมายังพื้นดินได้  

ความหมายของพวงชมพู


ความหมายของพวงชมพู
                ดอกพวงชมพู : เป็นดอกไม้แห่งความน่ารัก สามารถมอบให้ได้แก่ทุกคนที่คุณต้องการแสดงความชื่นชมในความน่ารักค่ะ

พวงชมพู


พวงชมพู
เป็นนิทานค่ะมีเรื่องเล่ากันว่า...
                เมื่อราชินีแห่งนางฟ้า ลงมาเยือนโลก บรรดาตุ๊กตาและของเล่นต่างก็พากันมาร้องทุกข์กับพระนาง ว่า บ้านตุ๊กตาบนโลกมนุษย์นั้นไม่มีความสุขเหมือนอย่างแต่ก่อน เพราะพวกตุ๊กตาตัวใหญ่ชอบรังแกเพื่อนฝูง ทะเลาะเบาะแว้งกัน ทำให้เด็ก ๆ หรือแม้กระทั่งสัตว์ตัวเล็ก ๆ ไม่อยากเล่นกับพวกตุ๊กตาเหมือนเคย
           
ราชินีนางฟ้าเกิดความสงสัยว่าเป็นเพราะเหตุใด จนได้ความจากนางฟ้าผู้ทำหน้าที่นำตุ๊กตาลงมาให้เด็ก ๆ ว่าเดี๋ยวนี้พวกนางฟ้ามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบมากมาย ไม่มีเวลาทำตุ๊กตาในตอนกลางคืนจึงต้องเปลี่ยนมาทำในเวลากลางวัน ซึ่งไม่สามารถที่จะหาละอองดาวสำหรับทำหัวใจให้ตุ๊กตาได้ ตุ๊กตาที่นางฟ้านำลงมาจึงไร้หัวใจ ไร้ความรัก เป็นเหตุให้ไม่มีความสุข ราชินีนางฟ้าได้ฟังแล้วก็ครุ่นคิด

ความหมายของแพนซี


ความหมายของแพนซี
                ดอกแพนซี :  เป็นตัวแทนของความรัก และสิ่งที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจเพศตรงข้าม หากคุณได้รับดอกแพนซี ผู้ให้เขาอยากบอกคุณเหลือเกินว่า “ฉันรักเธออยู่นะ อยากให้เธอรักฉันตอบ”

ดอกแพนซี


ดอกแพนซี
                มีนิทานปรัมปราเล่าว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมี มีสาวใช้แสนสวยคนหนึ่งชื่อแพนซี่ เธอทำงานอยู่ในโรงครัวของประสาทหลังหนึ่ง ทุกวันเธอจะทำอาหารมาให้ราชินีเสวย วันหนึ่งเธอได้พบกับเจ้าชายซึ่งเป็นโอรสของราชินีองค์นี้ พระองค์ตกหลุมรักเธอทันที ทั้งคู่รักกันมาก ความรักของทั้งคู่ได้ยินไปถึงพระกรรณ์ของราชินี  สาวใช้ผู้อาภัพจึงต้องถูกไล่ออกจากปราสาท  แต่เจ้าชายยังยืนกรานว่าจะอภิเษกกับหญิงสามัญชนให้ได้  สร้างความไม่พอพระทัยให้กับราชินีเป็นอย่างมาก เพราะไม่ต้องการให้สาวใช้ก้นครัวมาเป็นสะใภ้ ราชินีจึงให้แม่มดสาปคนรักของลูกชายให้กลายเป็นดอกไม้ ตั้งแต่นั้นชื่อของสาวใช้อาภัพรักจึงกลายมาเป็นชื่อเรียกของดอกแพนซี

ความหมายของดอกไอริส


ความหมายของดอกไอริส   
                ดอกไอริส : เนื่องจากดอกไอริสเป็นเป็นดอกไม้แห่งข่าวสาร หากคุณได้รับดอกไม้นี้ นั่นหมายความว่า ผู้ให้ต้องการแจ้งข่าวสารบางอย่างภายในหัวใจ ที่อยากให้คุณรู้  แต่ถ้าคนรักเก่าของคุณเป็นผู้มอบให้เขาอยากบอกคุณว่า “กลับมาคบอย่างเดิมเถอะนะ”  

ดอกไอริส



ดอกไอริส
                ตามตำนานกรีกไอริส (Iris) คือเทพีแห่งข่าวสารของพระนางจูโน หรืออีกนัยหนึ่งคือเทพีแห่งสายรุ้ง (เทพีไอริสเป็นผู้นำสารของเทพเจ้าจากเทือกเขาโอลิมปัสลงมายังโลกมนุษย์ โดยเดินทางลงมาตามสายรุ้ง) ชาวกรีกนิยมปลูกดอกไอริสไว้ที่หลุมศพ เนื่องจากเชื่อกันว่าเทพีไอริสคือผู้นำทางดวงวิญญาณของผู้หญิงไปสู่สุคติ (เทพเมอคิวรี่ คือผู้นำดวงวิญญาณของผู้ชาย) เนื่องจากเทพีไอริส คือ เทพีประจำพระองค์เทพีจูโน และกลายเป็นสัญลักษณ์ของการพูดจาคมคาย และความมีพลัง ชาวอียิปต์เชื่อว่า กลีบทั้งสามของไอริส หมายถึงความศรัทธาปัญญา และความกล้าหาญ

ความหมายของดอกเบญจมาศ


ความหมายของดอกเบญจมาศ
               
                ดอกเบญจมาศ  เป็นดอกไม้แห่งความรื่นเริงและความบริสุทธิ์ใจ ผู้ให้อยากให้ผู้รับมีแต่ความสุข
               
                ดอกเบญจมาศสีเหลือง : หากคุณได้รับดอกไม้นี้ผู้ให้เขาอยากให้มีแต่ความคุณโชคดี ดอกไม้นี้เหมาะที่จะมอบให้ผู้ใหญ่หรือคนรู้จักที่ไม่ได้พบกันมานาน

                ดอกเบญจมาศสีแดง : เขาอยากบอกคุณว่า เขารักใคร่ชอบพอคุณอยู่นะ             


                ดอกเบญจมาศสีขาว : ผู้ให้เขาต้องการแสดงให้คุณเห็นว่าเขาซื่อสัตย์และภักดีต่อคุณ ไม่มีวันหักหลังคุณแน่นอน

ดอกเบญจมาศ


ดอกเบญจมาศ
                ตำนานในประเทศญี่ปุ่นได้มีเรื่องเล่าของดอกเบญจมาศว่า  ครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีหญิงสาวคนหนึ่งชื่อคิกุโนะ เธอแต่งงานอยู่กับสามีมานาน ทั้งสองรักกันมาก แต่สามีของเธอเป็นคนขี้โรค เจ็บป่วยบ่อยๆ  วันหนึ่งเธอได้รับข่าวร้ายจากคุณหมอที่รักษาอาการป่วยของสามีเธอว่าเขามีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงเดือน เดียว คิกุโนะได้ฟังดังนั้นทำให้เธอเสียใจมาก จึงวิ่งไปอธิษฐานกับพระในศาลเจ้า ขอให้สามีของเธอมีชีวิตยืนยาวกว่านั้น

ความหมายของดอกเดซี่


               
                ดอกเดซี่  ก็หมายถึงความบริสุทธิ์ใจที่มีให้ซึ่งกันและกัน ทั้งผู้รับและผู้ให้
               
                ดอกเดซี่สีขาว : คนให้เขาอยากให้คุณรู้ว่าพร้อมจะแบ่งปันความรักให้กันและกัน  พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเสมอ
               
 
                ดอกเดซี่สีแดง :  คนให้เขาอยากบอกให้คุณได้รู้ว่า “ขอให้มั่นคงในรัก อย่าหวั่นไหวแม้จะมีใครผ่านเข้ามา”  

ดอกเดซี่


ดอกเดซี่
                ในตำนานของชาวโรมันได้เล่าต่อๆกันมาว่า เวอร์ทัมมัสเป็นเทพเจ้าแห่งไม้ดอกและไม้ผลได้ตกหลุมรักนางไม้ชื่อเบลิเดสเข้าอย่างจังแต่นางไม้เบลิเดสไม่รักตอบจึงคอยหลบเทพเวอร์ทัมมัส       วันหนึ่งนางไม้เบลิเดสเต้นระบำอยู่กับเพื่อนๆ ที่ชายป่าแห่งหนึ่งก็ได้พบกับลูกแก้วสีเหลืองใสตกอยู่ซึ่งก็คือดวงตาของเทพเวอร์ทัมมัสนี่เอง นางไม้เบลิเดสจึงเก็บซ่อนไว้กับตัวเพื่อไม่ให้เวอร์ทัมมัสตามตนเจอหลังจากซ่อนลูกตานั้นกับตัว นางก็กลายร่างเป็นดอกไม้มีกลีบสีขาว หุ้มรอบดวงตาสีเหลืองที่เปรียบเป็นเกสรไว้
             

ความหมายของดอกสโนว์ดรอป


ความหมายของดอกสโนว์ดรอป
                ดอกสโนว์ดรอป : ถือเป็นตัวแทนของความหวัง และความบริสุทธิ์ หากคุณได้รับดอกไม้นี้ผู้ให้เขาต้องการบอกให้คุณได้รู้ว่า  ชีวิตยังไม่สิ้นหวังแม้จะผ่านเรื่องร้ายๆ ที่หนักหนาสาหัสสักเพียงใด วันหนึ่งเราจะผ่านพ้นมันไปได้ตราบที่ความหวังยังมีในหัวใจ 

ดอกสโนว์ดร็อป


ดอกสโนว์ดร็อป
                เมื่อครั้งที่อดัมกับอีฟถูกไล่ออกมาจากสวนเอเดน เนื่องจากละเมิดกินแอปเปิ้ลต้องห้าม อีฟก็เฝ้าแต่ร่ำไห้ จนเวลาล่วงเลยผ่านเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง  ไม่มีดอกไม้ผลิบาน จนกระทั่งล่วงเลยไปถึงฤดูหนาว หิมะก็ตกไม่ยอมหยุด เหล่าเทวดาที่มาปลอบโยนอีฟจึงกอบหิมะใส่มือแล้วเป่าลงไป เมื่อเกล็ดหิมะตกต้องผืนดินก็กลายเป็น Snowdrop เมื่อนั้นดอกไม้ก็เริ่มบานอีกครั้ง
                ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Snowdrop จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความหวังใหม่ เพราะเมื่ออากาศเลวร้ายที่สุด Snowdrop ก็จะแย้มบานเป็นเครื่องหมายว่าวันพรุ่งนี้จะต้องดีกว่าเดิม
               

ความหมายของ ดอกแกลดิโอลัส


ความหมายของ ดอกแกลดิโอลัส

             ดอกแกลดิโอลัส :  ดอกไม้นี้ สำหรับคนไทยแล้ว มีความหมายถึง "ผู้หญิงที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง"  คนไทยบางแห่งเรียกดอกไม้นี้ว่า "ดอกคำมั่นสัญญา"  ถ้าคุณมอบดอกไม้นี้ให้หญิงสาวมาดมั่น ผู้มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เท่ากับเป็นการยกย่องในความเชื่อมั่นในตัวเองของเธอ
               
                ดอกกลาดิโอลัส ยังใช้มอบให้ในโอกาสที่แสดงความยินดีต่อการประสบความสำเร็จ

ตำนานดอกแกลดิโอลัส



ตำนานดอกแกลดิโอลัส
                ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีนักรบคนหนึ่งสู้รบในสงครามจนมีบาดแผลเต็มร่าง เมื่อสงครามสิ้นสุดลง  เขาค่อยๆพยุงร่างที่อาบเลือด ไปยังลำธารแห่งหนึ่งที่มีน้ำใสไหลเย็นเพื่อดื่มน้ำดับกระหาย  พลันสายตาของเขาเหลือบไปเห็นดอกไม้ชนิดหนึ่งกลีบพลิ้วไหว ราวกับผ้าแพรของนางฟ้า   เขาจึงเอื้อมมือไปเด็ด มาหนึ่งช่อ หวังจะนำดอกไม้นี้ไปมอบให้กับหญิง      อันเป็นที่รักของตน  ทันใดนั้นเองคมดาบของศัตรูก็พุ่งแทงทะลุร่างนักรบหนุ่ม ความตายของเขากลายเป็นตำนานพลับพลึงคมดาบหรือ แกลดิโอลัสนั่นเอง

ความหมายของดอกไฮยาซินท์


ความหมายของดอกไฮยาซินท์           
               
                ดอกไฮยาซินท์สีฟ้า เขาผู้มอบให้คุณนอกจากดอกไม้แล้วเขายังได้มอบหัวใจให้คุณด้วยค่ะ เพราะความหมายของมันคือ จะซื่อสัตย์ต่อคุณ ไม่เปลี่ยนแปลงหรือผันแปรความรู้สึกที่มีให้ไปให้ใคร  
               


                ดอกไฮยาซินท์สีม่วง : นั่นแสดงว่าเขาคนนั้นรู้สึกผิดและเสียใจต่อคุณมาก  อยากให้คุณยกโทษ ได้โปรดให้อภัยในความผิดของเขา


                ดอกไฮยาซินท์สีแดง หรือ สีชมพู :   เขามองคุณเป็นเพียงเกม หรือการแข่งขัน ที่เขาต้องการเอาชนะเท่านั้น


                ดอกไฮยาซินท์สีขาว : ถ้ารู้ความหมายแล้วคุณอาจจะเขินนิดๆ ก็ได้นะ  เพราะเขากำลังชมว่าคุณน่ะ น่ารัก

ดอกไฮยาซินท์


ดอกไฮยาซินท์
                ตามตำนานกรีกโบราณ มีหนุ่มรูปงามชื่อไฮยาซินทัส เป็นสหายกับเทพอะพอลโล(เทพแห่งดวงอาทิตย์)  นอกจากเทพอะพอลโลแล้ว เขายังมีเพื่อนสนิทอีกคนนึงที่ชื่อ เซฟไฟรัส (เทพประจำลมตะวันตก)  ด้วยความที่ไฮยาซินทัสสนิทสนมกับเทพอะพอลโลมากกว่า ทำให้เซฟไฟรัสเกิดความอิจฉา  วันหนึ่งขณะที่เทพอะพอลโลกับไฮยาซินทัสกำลังเล่นทอยห่วงเหล็กกันอยู่  เซฟไฟรัสก็แกล้งเป่าห่วงเหล็กของเทพอะพอลโลให้ไปกระแทกไฮยาซินทัส ทำให้เขาทนเจ็บบาดแผลไม่ไหว สิ้นใจตายตรงนั้นเอง  อะพอลโลรู้สึกเศร้าเสียใจมาก จึงบันดาลให้กองเลือดของไฮยาซินทัสกลายเป็นกอดอกไม้ที่มีชื่อว่า ไฮยาซินท์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา... 

ความหมายดอกทานตะวัน


ความหมายดอกทานตะวัน
         
                ดอกทานตะวัน :    เป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมั่น ความมั่นคง รักเดียวใจเดียว  หากคุณได้รับทานตะวันจากใคร รู้ไว้เถอะ คนๆนั้นเขามั่นคงต่อคุณคนเดียว เขาจะรักและซื่อสัตย์ต่อคุณตลอดไป   หรือนัยหนึ่งเขาอยากบอกให้คุณได้รับรู้ว่า แม้คุณจะเย่อหยิ่ง  แต่วันหนึ่งเขาจะต้องชนะใจคุณให้ได้ 

ดอกทานตะวัน


ดอกทานตะวัน
                ตำนานกรีกได้มีเรื่องเล่าของหญิงสาวผู้มั่นคงในความนางหนึ่ง ชื่อไคลธี เธอถูกบิดากักขังมิให้เห็นเดือนเห็นตะวันอยู่ในโบถส์ร้างแห่งหนึ่ง สาเหตุที่นางถูกกักขังนั้นไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัดว่ามาจากความงามแต่เหนือกว่าหญิงใดมาเทียบทัน
หรือเพราะความใจร้ายของผู้เป็นบิดา ที่จองจำอย่างนางไร้อิสรภาพ  แต่นางก็ได้เพียงอดกลั้นต่อความทุกข์ทรมาน
                วันหนึ่งขณะที่เธอสำรวจรอบๆ บริเวณนี้หาได้มีผู้ใดอยู่ในโบถส์ร่วมกับเธอ  ไคลธีจึงตัดสินใจหนีออกมา เพื่อไปยลแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ นางอยากรู้ว่าดวงอาทิตย์นั้นมันมีหน้าตาเป็นอย่างไร  เมื่อหนีออกมาได้จะชื่นชมให้สมอยาก

ความหมายของดอกบัว


ความหมายของดอกบัว

ดอกบัว : ดอกบัวเป็นดอกไม้แทนความสงบและความบริสุทธิ์ใจ  หากคุณได้รับดอกไม้นี้จากใคร เขาต้องการบอกให้คุณได้รับรู้ว่า เขารู้สึกศรัทธาและชื่นชมในตัวคุณ  บริสุทธิ์ใจต่อคุณไม่คิดเป็นอย่างอื่น 

ดอกบัว



ดอกบัว
ตามตำนานของอินเดียนแดงเผ่าดาโกต้า นางฟ้าองค์หนึ่งได้จุติในโลกมนุษย์ เพื่อมาเป็นภรรยาชองหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดง   ทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจนมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน เมื่อลูกชายโตขึ้นตามประเพณีการสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าเผ่าจะตกเป็นของลูกชาย เพื่อความแน่ใจว่าลูกชายจะสามารถทำหน้าที่นี้ได้ เขาจึงส่งลูกชายพร้อมภรรยาของเขานั่งเรือคานู ข้ามทะเลสาบไปปรึกษาผู้รู้ว่าเด็กคนนี้จะสามารถเป็นหัวหน้าเผ่าแทนผู้เป็นพ่อได้หรือไม่  ในขณะเดินทางเรือได้ชนเข้ากับโขดหิน เมียรักของหัวหน้าเผ่าจมน้ำหายไปอย่างไร้ร่องรอย   แต่เช้าวันรุ่งขึ้นบริเวณโขดหินนั้นมีดอกบัวสีเหลืองปรากฎขึ้น
                                                   

ความหมายของแดฟโฟดิล


ความหมายของแดฟโฟดิล

ดอกแดฟโฟดิล :  เป็นดอกไม้ที่เหมาะสำหรับความรักของเพื่อนแท้ คนรู้ใจ  หากมีคนส่งดอกไม้นี้มาให้คุณ หรือตัวคุณเองส่งไปให้ใครแล้วล่ะก็ นั่นหมายความว่า ขอบใจในน้ำใจไมตรี และความเอื้ออาทรของเธอที่มีให้กันเสมอมา ขอบคุณที่ดูแลห่วงใย ใส่ใจฉัน และเป็นเพื่อนรักที่แสนดีของฉัน

ดอกแดฟโฟดิล


                ในตำนานกรีกโบราณได้กล่าวไว้ว่า  นานมาแล้วยังมีเด็กหนุ่มรูปงาม ผู้มีผมสีเหลืองทองและดวงตาสีแซฟไฟร์เขาชื่อนาร์ซิสซัส (Narcissus) หญิงสาวที่ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของของเขามีอันต้องสิ้นสติไปทุกราย เขาจึงเป็นเด็กหนุ่มผู้เย่อหยิ่งและทรนงหลงใหลในความงดงามของตนเอง

                วันหนึ่งนาร์ซิสซัสหลงเข้าไปในป่าแล้วได้พบกับนางไม้เอคโค่  นางไม้หลงรักเด็กหนุ่มตั้งแต่แรกเห็นเขางดงามดั่งชายในฝัน  เขาถามทางออกจากป่าแต่เอโค่ไม้สามารถพูดตอบได้ เพราะถูกสาปโดยพระนางเฮียร่า ให้พูดตามผู้สนทนา ทำให้นาร์ซิสซัสรำคาญและเดินจากไป เอคโค่รู้สึกเจ็บปวดทุกข์ทรมานใจ

ความหมายของดอกฟอร์เก็ตมีน็อต


ความหมายของดอกฟอร์เก็ตมีน็อต ( Forget me not )
               
                ดอกฟอร์เก็ตมีน็อต ( Forget me not ): หากมีใครมอบดอกฟอร์เก็ตมีน็อต ให้กับคุณเขาต้องการบอกคุณว่า “โปรดอย่าลืมฉัน”
               
                ดอกฟอร์เก็ตมีน็อตสีขาว:  ถ้าคุณได้รับดอกฟอร์เก็ตมีน็อตสีขาว เขาอยากให้คุณรู้ว่า เขาชอบคุณ 

 ดอกฟอร์เก็ตมีน็อตสีม่วง:  ถ้าคุณได้รับดอกฟอร์เก็ตมีน็อตสีม่วง  เขาอยากให้คุณรู้ว่าคุณคือรักแท้ของเขา












ดอกฟอร์เก็ตมีน็อต ( Forget me not )



ดอกฟอร์เก็ตมีน็อต ( Forget me not )
                มีตำนานเล่ากันว่าครั้งหนึ่งนานมาแล้วในประเทศฝรั่งเศส อัศวินผู้กล้าหาญได้เดินชมจันทร์กับสาวงามอันเป็นที่รัก  หญิงสาวได้เหลือบไปเห็นดอกไม้เล็กๆ ขึ้นอยู่ริมตลิ่ง เธอได้ขอร้องให้เขาลงไปเก็บให้ ขณะที่เขากำลังเอื้อมเก็บดอกไม้ก็พลันลื่นไถลลงไปในแม่น้ำ โชคไม่เข้าข้างชายหนุ่มด้วยเสื้อเกราะที่เขาสวมอยู่นั้นหนักอึ้ง ถ่วงให้เขาจมน้ำ เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง ก่อนที่ความตายจะพรากเขาไปจากยอดหญิงอันเป็นที่รัก เขาก็โยนดอกไม้ให้หญิงสาว  และร้องตะโกนว่า 
"Ne m'oubliezpas" “อย่า... ลืมฉัน”  กระแสน้ำได้พัดร่างของอัศวินไกลออกไป  เมื่อหญิงสาวได้รับดอกไม้จึงรีบกระโจนลงน้ำ พร้อมกับพูดด้วยประโยคเดียวกัน อัศวินหนุ่มและหญิงสาวจึงหลุดลอยไปตามสายน้ำโดยไม่มีใครพบเห็นอีกเลย
ดอกไม้ชนิดนี้จึงมีชื่อว่า forget me not ดอกฟอร์เก็ตมีน็อทยังมีความหมายว่ารักแท้ 

ความหมายของดอกลิลลี่


ความหมายของดอกลิลลี่
         
                ดอกลิลลี่ เป็นดอกไม้ที่แทนความรักอ่อนหวาน บริสุทธิ์ อ่อนไหวต่อโลก

                ดอกลิลลี่สีขาว :  เขาต้องการบอกกับคุณว่าความรักที่เขามีต่อคุณนั้น เป็นความรักที่จริงใจ บริสุทธิ์  หรือแทนคำพูดที่ว่า เขารู้สึกยินดีมากๆที่ได้รู้จักกับคุณ


ดอกลิลลี่สีชมพ : คนๆนั้นต้องการบอกกับคุณว่า  เขาพยามตามหาความรักที่ดีที่สุด และค้นหาคนที่ใช่สำหรับเขา ในที่สุดเขาก็หาจนเจอ คุณคือคนที่เขาตามหามาทั้งชีวิต

ดอกลิลลี่สีส้ม : เขากำลังบอกคุณว่า “มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้” ส่วนใหญ่  ดอกลิลลี่สีส้มมักจะนำไปให้คนในครอบครัว หรือไม่ก็เพื่อนฝูง


ดอกลิลลี่สีเหลือง : ดอกไม้นี้แสดงถึงความห่วงหาอาทร เป็นห่วงเป็นใย รวมทั้งต้องการบอกคุณว่า “ขอให้คุณปลอดภัยนะ”  ถ้าคุณมอบให้ใครเขาต้องรู้สึกอบอุ่นหัวใจแน่นอนค่ะ

ดอกลิลลี่



ดอกลิลลี่
ในตำนานกรีกมีเรื่องเล่าว่า มหาเทพซีอูส หรือ ซูส ได้มีความสัมพันธ์กับมนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่ง ต่อมานางได้ให้กำเนิดบุตรชาย นาม “เฮอร์คิวลิส”  เมื่อเด็กน้อยถือกำเนิดขึ้น เทพซูสก็อยากให้บุตรชายของตนมีพละกำลังแกร่งกล้ายิ่งขึ้น จึงได้นำมาที่เขาโอลิมปัส  เพื่อจะได้ดื่มน้ำนมจากอกของมหาเทวีจูโน หรือ เฮร่า   เมื่อสบโอกาสจึงแอบอุ้มทารกเฮอร์คิว-ลิสไปวางบนอกของเทวีเฮร่าระหว่างที่นางหลับ เพื่อให้ดื่มนมจากอกนาง เฮอร์คิวลิสเป็นกึ่งเทพกึ่งมนุษย์ จึงมีพละกำลังมหาศาลอยู่แล้ว  จึงดูดนมจากอกเฮร่าแรงไปหน่อย  เฮร่าก็ตกใจตื่น และเหาะขึ้นไปบนฟ้า  ระหว่างนั้น น้ำนมจากอกก็ไหลออกมาด้วย และไหลเป็นสายยาวตกลงสู่พื้นโลก  และกลายเป็นดอกลิลลี่สีขาว ในที่สุด ตั้งแต่นั้นมาดอกลิลลี่จึงได้ถือกำเนิดขึ้นบนโลก

ความหมายของทิวลิป


ความหมายของทิวลิป
         
                ดอกทิวลิป  เป็นดอกไม้ ที่หมายถึงการตกหลุมรักหัวปักหัวปำ ยามรักรักมากทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง ยามหมดรักก็ไม่ใยดี เป็นความรักที่ฉาบฉวยและจืดจางอย่างรวดเร็ว  รักง่ายหน่ายเร็ว
         

                ทิวลิปสีแดง : ความรู้สึกที่เขาคนนั้นมีต่อคุณช่างมากมาย อยากให้โลกทั้งโลกรับรู้ว่า เขารักคุณมากแค่ไหน

                ทิวลิปสีเหลือง : คนที่มอบให้แอบตัดพ้อคุณเล็กๆ ประมาณว่า ฉันหมดหวังในรักเธอแล้วหรือไร”  หากคุณเป็นฝ่ายมอบให้กับใครแสดงว่าคนๆนั้นต้องทำให้คุณรู้สึกท้อใจในความรัก ที่คุณมีต่อเขา แต่เขาไม่เคยเห็นคุณค่า ไม่สนใจความรู้สึกดีๆที่คุณมีให้
         

                ทิวลิปหลากสีในช่อเดียวกัน : แสดงว่าคนให้เขาหลงเสน่ห์คุณเข้าแล้วล่ะ จะไม่ให้หลงได้ยังไง ก็ดอกไม้ที่ส่งมามันหมายความว่า  เขาหลงรักดวงตาที่แสนสวยของคุณ












ดอกทิวลิป


ดอกทิวลิป
                ตามตำนานเปอร์เซียร์มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า  ชายหนุ่มคนหนึ่งนามว่า ฟาฮัด หลงรักหญิงสาวผู้น่ารักคนหนึ่งชื่อว่า ชิริน ทั้งสองรักกันมาก วันหนึ่งฟาฮัดได้ทราบข่าวว่าหญิงสาวที่ตนรักถูกฆ่าตาย ทำให้เขาเศร้าโศกเสียใจมาก ฟาฮัดจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการควบม้ากระโจนลงสู่หุบเหว บริเวณที่เลือดของเขาไหลลงสู่พื้นมีดอกมีดอกทิวลิปสีแดงบานขึ้น
ดังนั้นดอกทิวลิปแดง จึงเป็นสัญลักษณ์ ของความรักที่ยากต่อการต้านทาน

ความหมายของดอกคาร์เนชั่น


ความหมายของดอกคาร์เนชั่น

คาร์เนชั่นสีแดง : คนให้นั้นกำลังขอให้คุณเห็นใจในความรักที่เขามีต่อคุณอยากให้คุณใจอ่อนรับรักเขา


คาร์เนชั่นสีชมพู : คนๆนั้นต้องการจะบอกให้คุณรู้ว่า เขาไม่เคยลืมคุณ  คิดถึงคุณตลอดเวลา  คุณจะยังคงอยู่ในความทรงจำของเขาเสมอ


คาร์เนชั่นลาย : ถ้าคุณได้รับดอกคาร์เนชั่นลาย หรือคุณส่งดอกไม้ชนิดนี้ไปให้ใคร ถือว่าเป็นการทำร้ายจิตใจอย่าง
รุนแรง เพราะเป็นดอกไม้สำหรับปฏิเสธใครที่มาตามตื้อ ประมาณว่า  ไม่ได้คิดอะไรด้วย



คาร์เนชั่นที่ถูกดึงกลีบดอกออกไป : ความหมายใกล้เคียงกับคาร์เนชั่นลาย เพราะเป็นดอกไม้สำหรับการปฏิเสธความรักโดยสิ้นเชิง   หากได้รับจากใครหรือให้ใครไปนั่นก็แสดงว่า  เขาไม่คิดที่จะรักคุณ หรือคุณก็ไม่มีวันที่จะรักเขา









ดอกคาร์เนชั่น


ดอกคาร์เนชั่น
                คาร์เนชั่นก็มีเรื่องเล่าเหมือนกันนะคะ ดอกคาร์เนชั่นเป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศสเปน ย้อนกลับไปเมื่อสมัยกรีก และโรมัน คาร์เนชั่นถูกใช้ในงานรื่นเริงต่างๆ และยังเชื่อว่าเป็น ดอกไม้แห่งความรัก หรือ ดอกไม้แห่งพระเจ้า อีกหนึ่งความเชื่อก็คือ คาร์เนชั่นมาจาก คำว่า โคโรเนชั่น สมัยก่อนกษัตริย์ของกรีกจะใช้ดอกคาร์เนชั่น ในพิธีราชาภิเษก
ส่วนคาร์เนชั่นสีชมพูก็มีตำนานเล่าว่า ดอกคาร์เนชั่นดอกแรกบานขึ้นมาจากพื้นที่หยดน้ำตาของพระแม่มาเรียตกลงบนแผ่น ดิน เมื่อเห็นพระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขน ฉะนั้นคาร์เนชั่นสีชมพูจึงเป็นตัวแทนความรักอันอมตะของผู้เป็นแม่